เมืองสุโขทัยไม่ใช่เมืองในแบบที่ศิลาจารึกหลักที่ 1 กล่าวไว้ว่า "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว" แท้จริงสุโขทัยเป็นพื้นที่ราบติดแม่น้ำยม เป็นเขตแห้งแล้ง ไม่มีสภาพอย่างที่จารึกบอกไว้ อีกหลักฐานหนึ่งทางโบราณคดี มีการพบแหล่งน้ำที่มาจากการขุดคู ทำทำนบไว้ มีการพบอ่างเก็บน้ำมากมาย แสดงถึงความแห้งแล้งของเมืองที่จำเป็นต้องสร้างที่เก็บน้ำไว้
เรื่องราวของสุโขทัยตามหลักฐานยังมีที่น่าสงสัยอีกมาก เช่น หลักศิลาจารึกหลักที่ 2 ได้พูดถึงเรื่องราวก่อนจะเกิดราชวงศ์พระร่วงของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ที่บันทึกไว้ในศิลาจารึกหลักที่ 1 นานมาก คือในจารึกหลักที่ 2 นี้ได้พูดถึงเรื่องราวของพ่อขุนนาวนำถม ผู้ก่อตั้งสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย เป็นกลุ่มชาวไท อพยพมาจากลุ่มแม่น้ำโขงและมีอิทธิพลมากในแถบลุ่มแม่น้ำยม มากจนกระทั่งกษัตริย์ขอมถึงกับต้องผูกไมตรียกลูกสาวและมอบพระขรรค์ให้เพื่อรับรองความเป็นเจ้าผู้ปกครองและความเป็นพันธมิตรที่แนบสนิทกับขอม พ่อขุนนาวนำถมมีลูกชื่อพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด และพ่อขุนผาเมืองมีพระสหายคือพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (ซึ่งต่อไปจะเป็นพ่อขุนศรีอิทราทิตย์ผู้เป็นต้นราชวงศ์พระร่วงในที่สุด) ขณะนั้นกลุ่มชาวไทมีการตั้งรกรากกระจายอยู่แล้วที่ลุ่มแม่น้ำท่าจีน คือสุพรรณภูมิ และลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาคืออโยธยา-ละโว้ ทุกเมืองมีอิทธิพลทั้งนั้น ไม่ได้ขึ้นกับใครแต่เกี่ยวโยงด้วยระบบอำนาจและเครือญาติกัน
ก่อนจะไปต่อในเรื่องราชวงศ์ ให้เรามาดูมุมของเศรษฐกิจและอาชีพของชาวไทที่สุโขทัยกันหน่อย อย่างที่เกริ่นไว้แล้ว สุโขทัยไม่ใช่เมืองเพาะปลูก ไม่มีบรรยากาศของในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่เป็นบรรยากาศของที่ลุ่ม แห้งแล้ว อยู่ในเขตเงาฝน มีแค่แม่น้ำยมที่ไหลผ่านเท่านั้น มีการศึกษาเส้นทางการค้าบนบก พบว่าบันทึกมากมายได้กล่าวถึงเส้นทางการค้าแบบคาราวานที่เชื่อมเส้นทางของแหล่งอรายธรรมลุ่มแม่น้ำโขง กับลุ่มน้ำสาละวิน ออกไปทางทะเลทางฝั่งตะวันตกที่เมืองพัน หรือเมาะตะมะ ในปัจจุบัน และสุโขทัยเป็นทางผ่านดีๆ นี่เอง คืออยู่ในเส้นทางการค้าสายใหญ่และเป็นเมือง Land-bridge พอดี
หลักฐานได้บอกว่า "เจ้าเมืองบ่เอาจังกอบในไพร่ลู่ทาง เพื่อนจูงวัวไปค้า ขี่ม้าไปขาย ใครจักใคร่ค้าช้างค้า ใครจักใคร่ค้าม้าค้า ใครจักใคร่ค้าเงินค้าทองคำ ไพร่ฟ้าหน้าใส" หมายถึง มีการค้าขายปศุสัตว์ ขายแร่เงิน แร่ทองคำ และมีการเปิดเสรีไม่เก็บภาษีผ่านแดน (บ่เอาจังกอบ) เป็นสไตล์ Free Trade Zone ดีๆ นี่เอง
มีการบันทึกต่อว่าการขยายอำนาจของกรุงสุโขทัยยังขึ้นไปตีเอาเมืองทางเหนือขึ้นไปคือเมืองเมียวดี ซึ่งปัจจุบันคือแม่สอด จ.ตาก เมียวดีเป็นเส้นทางการค้าแบบภาคพื้นเหมือนกัน เป็นการทำลายเขตอิทธิพลที่มีการค้าคล้ายคลึงกันเพื่อรวบอำนาจทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามขณะที่กรุงสุโขทัยมีการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจภาคพื้น การค้าทางทะเลก็กำลังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทางใต้ลงมาคือแถบสุพรรณภูมิ อโยธยา-ละโว้ ซึ่งนั่นจะเป็นจุดตายของสุโขทัยในเวลาต่อมาที่จะไม่สามารถรักษาอำนาจได้อีกต่อไป
ประเด็นที่น่าสนใจคือหลังจากพ่อขุนนาวนำถมสวรรคต "ขอมสบาดโขลญลำพง" ได้เข้ามายึดครองเมืองสุโขทัย (ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยุคใหม่ตีความว่าเป็นขอมจากเมืองละโว้ เพราะสมัยนั้นพ่อขุนนามนำถมเป็นพันธมิตรที่สำคัญของขอมที่พระนคร ขอมสบาดโขลญลำพงจึงไม่น่ามาจากพระนคร)
เหตุการณ์นี้ทำให้พ่อขุนผาเมือง จับมือกับพระสหายคือพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง เข้าตีเมืองสุโขทัย และเมืองศรีสัชนาลัย และด้วยการตกลงกันในการแบ่งเขตปกครอง พ่อขุนผาเมืองได้เลือกที่จะกลับไปขยายอิทธิพลที่เมืองราด และให้พ่อขุนบางกลางหาว พระสหายเข้าปกครองสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย (น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดของพ่อขุนผาเมือง)
พ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง จึงสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ หรือพระนามเต็ม "กำมรเตงอัญศรีอินทรบดินทราทิตย์" ชื่อเขมรมากๆ เลยใช่ไหมครับ เนื่องจากวัฒนธรรมเขมรเป็นที่นิยมมากในยุคสมัยนั้น และก่อให้เกิดราชวงศ์พระร่วงครองสุโขทัยในระยะสั้นๆ จนกระทั่งถูกรวบโดยอยุธยาในเวลาต่อมา
เรื่องขอมสบาดโขญลำพง เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก เพราะเป็นการรุกรานของอำนาจจากนครรัฐทางใต้คือละโว้ หรือเรียกว่าอโยธยา-ละโว้ ซึ่งในส่วนใต้นี้น่าติดตามมากเพราะเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่จะเข้ามารุกรานกรุงสุโขทัยในเวลาต่อมา
นครรัฐทางใต้ไม่ได้เกิดหลังสุโขทัย ตามบันทึกประวัติศาสตร์สามารถระบุได้ว่าเกิดก่อนเสียอีก คือนครรัฐสุพรรณภูมิครองลุ่มน้ำท่าจีน และอโยธยา-ละโว้ครองลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ในเวลาไม่นานมีการรวมรัฐเป็นอโยธยา-ละโว้ โดยมี 2 ราชวงศ์คือราชวงศ์สุพรรณภูมิ และราชวงศ์อู่ทอง ส่วนทางสุโขทัย มีการรวมเอาเมืองสระหลวง สองแคว (เมืองพิษณุโลก) เข้ามาและย้ายราชธานีไปที่พิษณุโลกเพื่อยึดชัยภูมิที่ดีกว่าสุโขทัย เรียกรวมๆ ว่า "เมืองเหนือ"
ตามบันทึก พระเจ้าอู่ทอง ออกอุบายปลอมตัวเป็นพ่อค้ามากับกองคาราวาน พอเข้ารัฐสุโขทัยก็ตีเอาเมืองหลายเมืองไว้จนสำเร็จ สถาปนาตนเองเป็นสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา เวลานั้นราชวงศ์พระร่วงยังอยู่แต่เสื่อมอำนาจลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามการรวบอำนาจของสุโขทัยยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังมีสงครามและเหตุการณ์ขัดแย้งอีกมากมายระหว่างราชวงศ์พระร่วงของเมืองเหนือ กับราชวงศ์สุพรรณภูมิ และราชวงศ์อู่ทอง โดยสรุปคือราชวงศ์สุพรรณภูมิภายหลังมีการแต่งงานดองเครือญาติกับราชวงศ์พระร่วงและปกครองเมืองเหนือ ส่วนราชวงศ์อู่ทองปกครองอยุธยาทางใต้ ต่างฝ่ายต่างมีข้าราชสำนักของตนเองคานอำนาจกันเองในอาณาจักรอยุธยา จนกระทั่งเสียกรุงครั้งที่ 1
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรกู้ชาติได้สำเร็จก็เทครัวจากเมืองเหนือลดฐานะของเมืองเหนือ ปรับเมืองพิษณุโลกให้เป็นแค่เมืองหลักเอก และรวบอำนาจการปกครองทั้งหมดมาที่จุดเดียวคือที่กรุงศรีอยุธยา เป็นอันจบอำนาจแท้จริงของรัฐสุโขทัย ณ จุดนี้
อ้างอิง
- พิพัฒน์ กระแจจันทร์, ยุคมืดของประวัติศาสตร์ไทย
เรื่องราวของสุโขทัยตามหลักฐานยังมีที่น่าสงสัยอีกมาก เช่น หลักศิลาจารึกหลักที่ 2 ได้พูดถึงเรื่องราวก่อนจะเกิดราชวงศ์พระร่วงของพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ที่บันทึกไว้ในศิลาจารึกหลักที่ 1 นานมาก คือในจารึกหลักที่ 2 นี้ได้พูดถึงเรื่องราวของพ่อขุนนาวนำถม ผู้ก่อตั้งสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย เป็นกลุ่มชาวไท อพยพมาจากลุ่มแม่น้ำโขงและมีอิทธิพลมากในแถบลุ่มแม่น้ำยม มากจนกระทั่งกษัตริย์ขอมถึงกับต้องผูกไมตรียกลูกสาวและมอบพระขรรค์ให้เพื่อรับรองความเป็นเจ้าผู้ปกครองและความเป็นพันธมิตรที่แนบสนิทกับขอม พ่อขุนนาวนำถมมีลูกชื่อพ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด และพ่อขุนผาเมืองมีพระสหายคือพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง (ซึ่งต่อไปจะเป็นพ่อขุนศรีอิทราทิตย์ผู้เป็นต้นราชวงศ์พระร่วงในที่สุด) ขณะนั้นกลุ่มชาวไทมีการตั้งรกรากกระจายอยู่แล้วที่ลุ่มแม่น้ำท่าจีน คือสุพรรณภูมิ และลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาคืออโยธยา-ละโว้ ทุกเมืองมีอิทธิพลทั้งนั้น ไม่ได้ขึ้นกับใครแต่เกี่ยวโยงด้วยระบบอำนาจและเครือญาติกัน
พ่อขุนผาเมือง เจ้าเมืองราด ลูกของพ่อนาวนำถมผู้ก่อตั้งสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย |
![]() |
แผนที่ทางการค้าของสุโขทัยที่ทำให้สุโขทัยรุ่งเรืองในช่วงหนึ่ง |
มีการบันทึกต่อว่าการขยายอำนาจของกรุงสุโขทัยยังขึ้นไปตีเอาเมืองทางเหนือขึ้นไปคือเมืองเมียวดี ซึ่งปัจจุบันคือแม่สอด จ.ตาก เมียวดีเป็นเส้นทางการค้าแบบภาคพื้นเหมือนกัน เป็นการทำลายเขตอิทธิพลที่มีการค้าคล้ายคลึงกันเพื่อรวบอำนาจทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตามขณะที่กรุงสุโขทัยมีการขยายอำนาจทางเศรษฐกิจภาคพื้น การค้าทางทะเลก็กำลังยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในทางใต้ลงมาคือแถบสุพรรณภูมิ อโยธยา-ละโว้ ซึ่งนั่นจะเป็นจุดตายของสุโขทัยในเวลาต่อมาที่จะไม่สามารถรักษาอำนาจได้อีกต่อไป
ประเด็นที่น่าสนใจคือหลังจากพ่อขุนนาวนำถมสวรรคต "ขอมสบาดโขลญลำพง" ได้เข้ามายึดครองเมืองสุโขทัย (ตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์ยุคใหม่ตีความว่าเป็นขอมจากเมืองละโว้ เพราะสมัยนั้นพ่อขุนนามนำถมเป็นพันธมิตรที่สำคัญของขอมที่พระนคร ขอมสบาดโขลญลำพงจึงไม่น่ามาจากพระนคร)
เหตุการณ์นี้ทำให้พ่อขุนผาเมือง จับมือกับพระสหายคือพ่อขุนบางกลางหาว เจ้าเมืองบางยาง เข้าตีเมืองสุโขทัย และเมืองศรีสัชนาลัย และด้วยการตกลงกันในการแบ่งเขตปกครอง พ่อขุนผาเมืองได้เลือกที่จะกลับไปขยายอิทธิพลที่เมืองราด และให้พ่อขุนบางกลางหาว พระสหายเข้าปกครองสุโขทัย-ศรีสัชนาลัย (น่าจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดของพ่อขุนผาเมือง)
![]() |
พ่อขุนบางกลางหาว หรือพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ |
เรื่องขอมสบาดโขญลำพง เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญมาก เพราะเป็นการรุกรานของอำนาจจากนครรัฐทางใต้คือละโว้ หรือเรียกว่าอโยธยา-ละโว้ ซึ่งในส่วนใต้นี้น่าติดตามมากเพราะเป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่ทรงอิทธิพลที่จะเข้ามารุกรานกรุงสุโขทัยในเวลาต่อมา
นครรัฐทางใต้ไม่ได้เกิดหลังสุโขทัย ตามบันทึกประวัติศาสตร์สามารถระบุได้ว่าเกิดก่อนเสียอีก คือนครรัฐสุพรรณภูมิครองลุ่มน้ำท่าจีน และอโยธยา-ละโว้ครองลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนกลาง ในเวลาไม่นานมีการรวมรัฐเป็นอโยธยา-ละโว้ โดยมี 2 ราชวงศ์คือราชวงศ์สุพรรณภูมิ และราชวงศ์อู่ทอง ส่วนทางสุโขทัย มีการรวมเอาเมืองสระหลวง สองแคว (เมืองพิษณุโลก) เข้ามาและย้ายราชธานีไปที่พิษณุโลกเพื่อยึดชัยภูมิที่ดีกว่าสุโขทัย เรียกรวมๆ ว่า "เมืองเหนือ"
![]() |
พระเจ้าอู่ทอง หรือสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 ปฐมกษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา |
อย่างไรก็ตามการรวบอำนาจของสุโขทัยยังไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ยังมีสงครามและเหตุการณ์ขัดแย้งอีกมากมายระหว่างราชวงศ์พระร่วงของเมืองเหนือ กับราชวงศ์สุพรรณภูมิ และราชวงศ์อู่ทอง โดยสรุปคือราชวงศ์สุพรรณภูมิภายหลังมีการแต่งงานดองเครือญาติกับราชวงศ์พระร่วงและปกครองเมืองเหนือ ส่วนราชวงศ์อู่ทองปกครองอยุธยาทางใต้ ต่างฝ่ายต่างมีข้าราชสำนักของตนเองคานอำนาจกันเองในอาณาจักรอยุธยา จนกระทั่งเสียกรุงครั้งที่ 1
เมื่อสมเด็จพระนเรศวรกู้ชาติได้สำเร็จก็เทครัวจากเมืองเหนือลดฐานะของเมืองเหนือ ปรับเมืองพิษณุโลกให้เป็นแค่เมืองหลักเอก และรวบอำนาจการปกครองทั้งหมดมาที่จุดเดียวคือที่กรุงศรีอยุธยา เป็นอันจบอำนาจแท้จริงของรัฐสุโขทัย ณ จุดนี้
อ้างอิง
- พิพัฒน์ กระแจจันทร์, ยุคมืดของประวัติศาสตร์ไทย
- รศ.ดร.สุเนตร ชุตินธรานนท์
- บันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์
- รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล, ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาหลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
- บันทึกการเดินทางของอ็องรี มูโอต์
- รุ่งโรจน์ ภิรมย์อนุกูล, ลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาหลังสิ้นรัชกาลพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ความคิดเห็น