สงครามของโลกแห่งสันติ

โดย กนก ลีฬหเกรียงไกร

โลกใบนี้ตั้งแต่มีการบันทึกประวัติศาสตร์มาก็ไม่ขาดเลยซึ่งสงคราม ตั้งแต่ระดับการรังแกกันไปมาจนถึงระดับมหาสงครามที่คนต้องตายเป็นแสนเป็นล้าน ไม่ว่าฝั่งยุโรปหรือเอเซีย
สงครามระหว่างกรีกและเปอร์เซีย
โรมต้องพ่ายแพ้แก่เผ่าวิสิกอธ (Visigoth) ในปี ค.ศ.410 และ ล่มสลายจริงๆ ในปี ค.ศ.476

สงครามครูเสด กินเวลาสงคราม 200 ปี
โลกเรามีสงครามใหญ่ตั้งแต่สมัยเมโสโปเตเมีย จนมาถึงอียิปต์ อียิปต์พ่ายแพ้ต่อบาบิโลน บาบิโลนพ่ายแพ้ต่อเปอร์เซีย เปอร์เซียพ่ายต่อกรีก กรีกพ่ายต่อโรมัน โรมันพ่ายต่อวีซิกอธและอนารยชนเยอรมัน และยุโรปก็แตกเป็นเสี่ยงๆ จนเกิดสงครามครูเสดระหว่างยุโรปกับโลกมุสลิม เมื่อรบกันยุโรปจนได้ดิบได้ดีแล้วก็เลิกรบกับมุสลิมมารบกับตัวเองระหว่างชนชาติ แฟรงค์รบกับกอล เคล บริเทน จนเกิดประเทศมหาอำนาจคือฝรั่งเศส อังกฤษ รุสเซีย (รัสเซีย) เยอรมัน อิตาลี ออสเตรีย-ฮังการี และมหาอำนาจฝั่งเอเซียคือญี่ปุ่นก็เปิดประเทศพร้อมรบ ส่วนจีนเป็นพื้นที่แก่งแย่งของเหล่ามหาอำนาจเพราะอ่อนแอเหลือเกินในสมัยราชวงศ์ชิง

ยุคล่าอาณานิคม ใครแกร่งกว่าก็ยึดได้เลย ไม่เหมือนปัจจุบันที่มี UN
มหาอำนาจเริ่มล่าอาณานิคม ยึดเอเซีย ยึดตะวันออกกลาง ยึดจีน ญี่ปุ่นยึดเกาหลี แมนจูเรีย มหาอำนาจฝั่งยุโรปก็ยึดกันไปเรื่อยๆ อังกฤษยึดอินเดีย พม่า จนมาถึงไทยในฝั่งตะวันตก ฝรั่งเศสยึดเวียดนาม กัมพูชา ลาว จนมาประชิดไทยที่ฝั่งตะวันออก

จากยุคล่าอาณานิคมไม่นานก็เกิดการจับมือของพันธมิตรมหาอำนาจเพราะเยอรมันบุกยึดปรัสเซีย ดินแดนของฝรั่งเศส จนฝรั่งเศสเตรียมทำสงครามกับเยอรมัน แต่เพราะการเจรจาที่ชาญฉลาดของเยอรมัน ก็เบี่ยงเบนฝรั่งเศสในเรื่องอาณานิคมให้ไประวังอังกฤษคู่ต่อสู้มหาอำนาจแทน

เยอรมันจับมือกับมหาอำนาจอิตาลี และออสเตรีย-ฮังการี ส่วนฝรั่งเศสก็จับมือกับรัสเซีย ญี่ปุ่น อเมริกา และท้ายสุดอังกฤษ เหมือนทีมกับตันอเมริกากับไอร์อ่อนแมนยังไงอย่างนั้น การจับมือกันหมายถึงการทำสนธิสัญญาช่วยกันหากมีชาติอื่นมารบก็จะขอรบด้วย สมัยนั้นทุกชาติยังเป็นระบบกษัตริย์อยู่ยกเว้นอเมริกา

เซอร์เบียลอบปลงพระชนม์มงกุฎราชกุมาร Franz Ferdinand แห่งออสเตรีย-ฮังการี
ทุกชาติทั้ง 2 ฝั่งก็ฮึ่มๆ กันอยู่นัยที ฮึ่มกันตั้งแต่ยุโรปยังประเทศอาณานิคมทั้งหมดในโลก ฟางเส้นสุดท้ายก็ปะทุ เซอร์เบียลอบปลงพระชนม์มงกุฎราชกุมารของออสเตรีย-ฮังการี ทำให้ออสเตรีย-ฮังการี ประกาศสงครามกับเซอร์เบียในวันที่ 28 ก.ค. 1914

สงครามโลกครั้งที่ 1
เนื่องจากเซอร์เบียเป็นเด็กภายใต้การดูแลของลูกพี่รัสเซีย รัสเซียจึงเปิดศึกกับออสเตรีย-ฮังการี เยอรมันจึงจำใจต้องบุกช่วยออสเตรีย-ฮังการีตามสนธิสัญญา แต่รู้ๆ อยู่ว่าจะต้องโดนฝรั่งเศสกระหน่ำแน่ๆ จึงวางแผนกระหน่ำฝรั่งเศสก่อนเลย และบุกขึ้นไปยึดเบลเยี่ยมเด็กในการดูแลของฝรั่งเศสและเป็นอู่ข้าวอู่น้ำตุนพลังเสบียงไว้เลย

จากนั้นทั้ง 2 ฝั่งก็ตะลุมบอนรบกันที่ยุโรปและทุกประเทศในอาณานิคมทั้งโลก บังเกิดสงครามโลกครั้งที่ 1 จนโลกพังย่อยยับมากที่สุดกว่าสงครามในอดีตที่ผ่านมาทั้งหมด

เยอรมันพ่ายแพ้ในครั้งนั้น เยอรมันโดนหั่นดินแดนไปจนเหลือครึ่งหนึ่ง ออสเตรีย-ฮังการีโดยหั่นประเทศออกเป็นหลายประเทศ เยอรมันต้องจ่ายค่าปฏิกรณ์สงครามมากมายจนเกิดภาวะเศรษฐกิจถึงวิกฤติ

แผนที่ของเยอรมันและออสเตรีย-ฮังการี ก่อนและหลังพ่ายสงครามโลกครั้งที่ 1
ฝรั่งเศสเองก็ย่อยยับและต้องใช้เงินมากมายในการฟื้นฟูประเทศ อังกฤษก็เช่นกัน เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรง ลามไปอเมริกาและระบาดไปทั่วโลก จากนั้นโลกก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดการโค่นราชวงศ์ เช่น ที่รัสเซีย พระเจ้าซาร์และครอบครัวในราชวงศ์โรมานอฟถูกประหาร, เยอรมัน พระเจ้าไกเซอร์ ถูกลดอำนาจ, อังกฤษ ราชวงศ์ลดบทบาทให้สภาและรัฐบาลดูแลประเทศแทน

พระเจ้าซาร์ นิโคลัสที่ 2 และ ราชวงศ์โรมานอฟของรัสเซีย ถูกประหารทั้งหมดในช่วงปฏิวัติ
รัสเซียสร้างคอนเซ็ปท์สังคมนิยมแบบบอลเชวิค, อิตาลีและเยอรมันสร้างลัทธิฟาสซีสต์, มหาอำนาจอื่นๆ เป็นประชาธิปไตย โลกจึงแบ่งเป็น 3 ค่ายตามสไตล์การปกครอง

ความตึงเครียดของโลกทำให้มหาอำนาจเมินเฉยต่อกันโดยใช้เยอรมันเป็นประเทศกันชน เยอรมันก็ฉวยโอกาสยึดเมืองนั้นเมืองนี้ จนสุดท้ายสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ และจากนั้นเพื่อนๆ คงพอเดากันได้

Mussolini (อิตาลี) และ Hitler (เยอรมัน)
เขียนมายืดยาว ผมกำลังบอกว่า สงครามและความขัดแย้งยังมีเรื่อยๆ ทุกระดับ และต่อเนื่อง หลายคนมองความรับผิดชอบไปที่คน ๆ เดียวที่ก่อให้เกิดสงคราม แต่ลองคิดกันดี ๆ จากที่เล่ากันมาทั้งหมด ความรับผิดชอบของสงครามเกิดจากการลงตัวของสถานการณ์บางอย่าง ไม่ใช่เกิดจากคน ๆ เดียวอย่างแน่นอน

อ้างอิง:
มหาสงครามที่โลกจารึก, อนันตชัย จินดาวัฒน์
ประวัติศาสตร์จึน มหาอำนาจผู้กุมชะตาโลก, วีระชัย โชคมุกดา
World War 2 on Photographs, Richard Holms
ประวัติศาสตร์ไทยร่วมสมัย, คริส เบเคอร์

ความคิดเห็น