เรื่องราววันฮาโลวีนที่คุณอาจคิดไม่ถึง

แต่งหน้าฮาโลวีนสไตล์โหดเลยครับ
วันฮาโลวีนเป็นวันพิเศษของอเมริกาที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างมากถึงขนาดวัดมูลค่าเศรษฐกิจได้เป็นอันดับ 2 รองจากวันคริสต์มาสกันเลยทีเดียว วันฮาโลวีนเป็นวันที่เด็กๆ และผู้ใหญ่รอคอยเพื่อจะสนุกสุดเหวี่ยงกับการแต่ง Cosplay ผีๆ น่ากลัวๆ แข่งขันกันอย่างสนุกสนาน
อันนี้น่ารักๆ Disney Halloween Parade
ท่ามกลางกระแสวัฒนธรรมที่ไหลจากฝั่งตะวันตกมายังฝั่งเอเชียถึงบ้านเรา การทำความเข้าใจเรื่องราวของวันฮาโลวีนน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการกำหนดท่าทีหรือแนวทางการตอบสนองต่อวันฉลองฮาโลวีนดังกล่าวได้

ต้นตอของฮาโลวีน

วันฮาโลวีนจริงๆ มาจากวัน Samhain (ภาษาไอริช อ่านว่าเซาเวน) เป็นวันที่ถูกกำหนดให้เป็นวันสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวและเข้าสู่ฤดูหนาวของชาวเคลท์ (Celt) หรือประเทศที่พูดภาษา Celt ซึ่งมีหลายประเทศ เช่น อังกฤษ (บริททานี) เวลส์ สก๊อตแลนด์ ไอร์แลนด์ ความเชื่อในวันนี้ของชาวเคลท์คือเชื่อว่าเป็นวันปล่อยผี ซึ่งผีจะหลุดออกมาจากนรกมาเดินเพ่นพานไปมาได้ 1 คืน คือคืนวันที่ 31 ตุลาคม จนถึงเช้า วันที่ 1 ซึ่งถือเป็นวัน Samhain การฉลองของเขาคือทุกคนจะแต่งตัวให้เป็นผีเพื่อให้ผีจริง "งง" เพื่อตัวเองจะได้ปลอดภัย... ก็ว่ากันไป การฉลองแบบนี้ก็ทำมาเนิ่นนานจะเป็นประเพณีท้องถิ่นที่ลามไปจนทั่วยุโรปไปจนกระทั่งถึง ศตวรรษที่ 4 เมื่อชาวเคลท์และยุโรปเปิดรับศาสนาคริสต์เข้ามาแทนที่

จากวัน Samhain สู่วันฉลองธรรมิกชนผู้ล่วงลับ

เป็นความตั้งใจของศาสนจักรในช่วงศตวรรษที่ 4 ที่จะให้มีการระลึกถึงมรณสักขีแห่งความศรัทธา (Martyr of the faith) หรือผู้เชื่อที่ยืนหยัดในความเชื่อจนกระทั่งถูกข่มเหงจนเสียชีวิต จึงได้เลือกวันที่ยุโรปมีการฉลองอยู่แล้วแต่หยิบเอาความหมายใหม่เติมเข้าไปให้สมบูรณ์ตามหลักข้อเชื่อที่ถูกต้องที่ชาวคริสต์ในยุโรปเคารพนับถือกัน และกำหนดให้มีการฉลองในช่วงวันเดียวกันแต่เพิ่มวันเป็น 3 วันคือ

All Saints - Wikipedia
31 ตุลาคม เป็นวัน All Hallow's Eve - คือ 1 วันก่อนวัน All Hallows ภายหลังเพี้ยนเป็น All Hallow'en และ Halloween ในที่สุด

1 พฤศจิกายน เป็นวัน All Hallows' Day - โป๊ปเกรโกรี่ ที่ 3 กำหนดวันนี้ให้เป็นวันเดียวกันกับวัน Samhain ถือเป็นวันฉลองมรณสักขี และจัดให้มีมิซซาใหญ่ช่วงเย็นในโบสถ์ ซึ่งจะมีชาวคริสต์เข้าร่วมเยอะมากในทุกๆ ปี

พฤศจิกายน เป็นวัน All Souls' Day - เป็นวันที่ระลึกถึงผู้ตายทั่วไป โบสถ์จะมีการอธิษฐานเผื่อผู้ล่วงลับด้วย

ในมุมของโปรเตสเตนท์ วันที่ 1 และ 2 จะรวมอยู่วันเดียวกันคือวัน All Hallows' Day และให้ความหมายถึงการระลึกถึงการเป็นผู้เชื่อที่เป็นคริสตจักรสากล หรือ Universal Church คือผู้เชื่อทุกยุคทุกสมัยในคริสตจักรสากลทั้งที่ล่วงลับและที่ยังมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันและอนาคต

Halloween วันที่แรง และแตกแยก

ความรู้สึกไม่พอใจในแนวทางปฏิบัติของศาสนจักรคาทอลิก ที่ไม่ถูกครรลองตามหลักพระคัมภีร์ทำให้ มาร์ติน ลูเธอร์ นักบวชคาทอลิกและนักศาสนวิทยา ได้ติดข้อวินิฉัย 95 เรื่องที่ประนามการกระทำที่ไม่ถูกต้องของศาสนจักรคาทอลิก ที่หน้าประตูโบสถ์ คาสเทิล Castle Church in Wittenberg เยอรมัน และได้เลือกวันที่มีผู้เชื่อที่จะมาเข้าโบสถ์อย่างมากมายคือในวันที่ วันที่ 31 ตุลาคม 1517 ซึ่งตรงกับวันฮาโลวีนนั่นเอง
มาร์ติน ลูเธอร์ กับประกาศ 95 ข้อ ประนามการกระทำที่ไม่ถูกต้องของศาสนจักรคาทอลิก
จุดนี้เองทำให้เกิดการแตกแยกระหว่างศาสนจักรคาทอลิก กับกลุ่มปฏิรูปโปรเตสแตนต์ ซึ่งประกอบไปด้วย Martin Luther (มาร์ติน ลูเธอร์-เยอรมัน) John Calvin (จอห์น คาลวิน-ฝรั่งเศส) Huldrych Zwingli (อูลิค สวิงลี่-สวิสเซอร์แลนด์)

สิ่งที่สามารถสังเกตได้ในตอนนี้คือ ทั้งศาสนจักรคาทอลิก และโปรเตสเตนต์ ไม่มีปัญหากับความหมายของวันฮาโลวีนเลย แต่จะมีปัญหาในเรื่องอื่นมากกว่า

จากยุโรปสู่อเมริกา จากอเมริกาสู่ไทย

การฉลองฮาโลวีนแบบสนุกสนานยังคงดำเนินต่อไป โดยให้ความหมายใหม่เรียบร้อยทั้งคาทอลิกและโปรเตสแตนต์ ทำให้ยิ่งเป็นที่นิยมไม่แพ้วันคริสต์มาสเลย เพราะนอกจากจะสอดคล้องกับแนวคิดในเรื่องการระลึกถึงผู้เชื่อที่ล่วงลับในฐานะสถาบันผู้เชื่อ หรือคริสตจักรสากลแล้ว เทศกาลนี้ยังมีความสนุกในการแต่งตัวปนเข้าไปด้วย การฉลองกว่าพันปีจึงระบาดเข้ามาที่อเมริกาเมื่อชาวยุโรปอพยพไปตั้งถิ่นฐานที่อเมริกา การละเล่นนี้จึงไปยังอเมริกา และกว่า 200 ปี จึงระบาดเข้ามาในประเทศไทยผ่านสื่อที่ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ

คริสเตียนไทยเอายังไง

เนื่องจากวัฒนธรรมไทยมองเรื่องผีต่างจากวัฒนธรรมตะวันตกเป็นอย่างมาก เรื่องนี้จึงกลายเป็นข้อถกเถียงครับ บางกลุ่มเชื่อว่าคริสเตียนไปร่วมฉลองได้แบบสุดๆ คือแต่งเป็นผี เป็นมัมมี่ แดรกคูล่า ฯลฯ บางกลุ่มก็เชื่อว่าคริสเตียนห้ามยุ่งเลยเพราะถือว่าไปนมัสการผีมารซาตาน

ในมุมมองของผม เรื่องการนมัสการผีมารซาตาน ถ้าเราดูที่มาของวันฮาโลวีน สรุปได้เลยว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องนมัสการผีมารซาตานเลย ยังไงคนที่ไม่เห็นด้วยลองเปิดใจค้นคว้าที่ไปที่มาของฮาโลวีนก่อนนะครับ

ส่วนประเด็นที่สนุกจนสุดคือแต่งเป็นผีไปเลย ผมว่าประเด็นนี้น่าคิดสำหรับวัฒนธรรมไทย เพราะนิยามผีของคนไทยทั่วไปที่ยังไม่เชื่อกับคริสเตียนไทยไม่เหมือนกัน คริสเตียนไทยมองผีคือมารซาตาน แต่มองผู้เชื่อที่ล่วงลับเป็นคริสตจักรสากล (แต่คนไม่เชื่อมองว่าเป็นผีนั่นแหล่ะ) ฉะนั้นการแต่งผีที่เป็นผีตามคติของคนไทยจึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรและไม่ได้สะท้อนอะไรในพระลักษณะพระเจ้านอกจากความสนุกตามเทศกาลเท่านั้น อาจทำให้คนที่ยังไม่เชื่อสับสนว่าตกลงคริสเตียนชอบผี? แต่ถ้าจะสนุกและแต่งตัวเป็นอะไรที่ไม่ใช่ผี ผมว่าพอได้อยู่ครับ

แต่งแบบนี้พอรับได้
แต่งแบบนี้ไม่เอานะครับ
และสุดท้าย การฉลองฮาโลวีน คริสต์มาส หรืออีสเตอร์ก็ตาม ฝรั่งบางคน เขาก็ไม่เข้าใจความหมายของการฉลองนั่นแหล่ะ เขากะจะสนุกกับการแต่งแฟนซีอย่างเดียว ซึ่งเราไม่ควรเป็นอย่างนั้นนะครับ

อ้างอิง
  • Dean Flemming, Contextualization in the New Testament.
  • Isbouts, Jean-Pierre. Who's Who in the Bible: Unforgettable People and Timeless Stories from Genesis to Revelation. WA: National Geographic Society, 2013
  • Samhain, Celtic Festival, Britannica.com
  • Wikipedia, All Saints Day
  • วัฒนธรรมชุบแป้งทอด: ผีหลอกวิญญาณหลอนย้อนแย้ง 

ความคิดเห็น