ผู้นำคริสตจักร ผู้เลี้ยงดูฝูงแกะ กับการทำธุรกิจขายตรง

พระเยซูทรงมอบบทบาทหน้าที่ที่สำคัญแก่ผู้รับใช้พระเจ้าในปกครองการดูแลฝูงแกะของพระองค์ ความจริงพระคัมภีร์ยังได้กล่าวถึงสิทธิอำนาจที่ทรงประทานแก่ผู้เลี้ยงทุกระดับชั้นเพื่อปกครองดูแลฝูงแกะตามพระประสงค์ของพระเจ้าผู้เป็นเจ้าของสิทธิอำนาจ หรือพูดอีกมุมหนึ่งคือทรงเป็นเจ้าของฝูงแกะที่แท้จริง
1 เปโตร 5:2-3 จงเลี้ยงฝูงแกะของพระเจ้าที่อยู่ท่ามกลางพวกท่าน โดยเอาใจใส่ดูแล ไม่ใช่ด้วยความฝืนใจ แต่ด้วยความเต็มใจ ตามพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่ด้วยใจโลภในทรัพย์สิ่งของ แต่ด้วยใจกระตือรือร้น และไม่เป็นเหมือนผู้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ข่มขี่ผู้ที่อยู่ในความดูแล แต่ให้เป็นแบบอย่างแก่ฝูงแกะนั้น
ในมุมนี้เราจึงมีหน้าที่สื่อสารพระประสงค์ของพระเจ้าผ่านพระวจนะพระเจ้า ด้วยแบบอย่างชีวิตที่ดี และแน่นอนผ่านชีวิตของเราที่เป็นคนที่ตั้งใจแม้มีหลายอย่างที่เรากำลังพัฒนาไปในความสมบูรณ์ ยิ่งชีวิตเราเป็นแบบอย่างในทางพระวจนะมากเท่าไร เราก็ยิ่งเป็นอุปสรรคในการประกาศพระวจนะน้อยลงเท่านั้น เพราะแบบอย่างชีวิตนั้นสะท้อนว่าพระวจนะสามารถเป็นจริงได้สำหรับเราและลูกแกะของเรา

ฉะนั้นเราจึงยอมเชื่อฟังพระเจ้าในทุกสิ่งและยอมที่จะจำกัดตัวเองหรือใช้สิทธิ์บางอย่างเพื่อเห็นแก่ฝูงแกะทั้งสิ้น

อ.เปาโลใช้สิทธิ์ เพื่อปกครองคนของพระเจ้า แต่ใช้ด้วยความระมัดระวังตามพระประสงค์ของพระเจ้าเพื่อประโยชน์แก่พี่น้องคริสเตียน
2 โครินธ์ 13:10เพราะเหตุนี้ ข้าพเจ้าจึงเขียนสิ่งเหล่านี้ในระหว่างที่ข้าพเจ้าไม่อยู่ด้วย เพื่อว่าเมื่อมาถึงแล้วข้าพเจ้าจะไม่ต้องทำด้วยความเข้มงวด ในการใช้สิทธิอำนาจที่องค์พระผู้เป็นเจ้าประทานให้แก่ข้าพเจ้า เพื่อการเสริมสร้าง ไม่ใช่เพื่อการทำลาย
อ.เปาโลใช้สิทธิ์ในการ "รับการดูแล" จากพี่น้องที่มาจากแค้วนมาซิโดเนีย แต่เลือกที่จะจำกัดสิทธิ์ของตัวเองโดย "ไม่รับการดูแล" จากพี่น้องคริสเตียนชาวโครินธ์ เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นอุปสรรคในการประกาศข่าวประเสริฐ
2 โครินธ์ 11:9 และเมื่อข้าพเจ้าอยู่กับพวกท่าน และกำลังขัดสนอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ไม่ได้เป็นภาระกับใคร เพราะว่าพี่น้องที่มาจากแคว้นมาซิโดเนียได้จัดเตรียมสิ่งที่ข้าพเจ้าขัดสนให้กับข้าพเจ้า ข้าพเจ้าทำตัวไม่ให้เป็นภาระกับพวกท่านในทุกด้าน และข้าพเจ้าจะทำตัวเช่นนี้ต่อไป
1 โครินธ์  9:12 ถ้าคนอื่นมีสิทธิ์ได้รับประโยชน์จากท่านทั้งหลาย เราก็มีสิทธิ์ยิ่งกว่านั้นอีกไม่ใช่หรือ? แต่ถึงกระนั้น เราก็ไม่ได้ใช้สิทธิ์นี้เลย แต่เรายอมทนทุกอย่างเพื่อเราจะไม่วางสิ่งกีดขวางใดๆ ต่อข่าวประเสริฐของพระคริสต์
สิ่งที่ผมกำลังสื่อสารคือ
  1. ในฐานะของผู้เลี้ยง เรามีสิทธิอำนาจในการปกครองฝูงแกะที่พระเจ้าประทาน
  2. สิทธิอำนาจที่พระเจ้าประทานนั้นเพื่อประโยชน์แก่ฝูงแกะ ไม่ใช่เพื่อตนเอง
  3. เรายอมใช้สิทธิ์ และจำกัดสิทธิ์ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ฝูงแกะมากที่สุด คือให้พระวจนะสามารถเกิดผลเป็นจริงในชีวิตของฝูงแกะมากที่สุด
  4. เราควรตระหนักอย่าให้ตัวเราเองเป็นอุปสรรคในการสื่อสารพระวจนะ คือไม่ยอมให้ฝูงแกะเกิดความสงสัยใจเจตนารมณ์ของเราที่ตั้งใจดีเพื่อที่จะสื่อสารพระวจนะให้แก่เขา

อุปสรรคตอนนี้ถ้าพิจารณาดูดีๆ ให้เข้ากับปัจจุบัน ผมหมายถึงการประกอบอาชีพด้วย

อาชีพโดยทั่วไปไม่ได้ผิดอะไร แต่สามารถส่งเสริมหรือขัดขวางการประกาศข่าวประเสริฐได้ คริสเตียนสามารถทำอาชีพบางอย่างได้ ไม่สามารถทำอาชีพบางอย่างได้ เช่น เข้าทรง สร้างวัตถุมงคล ค้ายาเสพติด ซ่องโสเภณี ฯลฯ และอาจรวมถึงอาชีพที่ดึงเวลาชีวิตเรามากๆ ตลอดเวลา จนเสียสมดุลในฝ่ายวิญญาณในระยะยาวด้วย

อาชีพขายตรงไม่ได้ผิดอะไรในตัวมันเอง เป็นรูปแบบหนึ่งของธุรกิจ (Business Model) ที่ออกแบบมาเพื่อลดช่องทางการขาย หรือ Distribution  Channel แบบองค์กรออกไป และเปลี่ยนเป็นช่องทางแบบใช้บุคลากรโดยตรง หรือ Direct Sale หรือ Network Marketing และเปลี่ยนการให้ผลประโยชน์จากการให้องค์กรที่เป็นช่องทางการจำหน่าย เป็นให้แก่พนักงานขายโดยตรง ซึ่งรูปแบบธุรกิจแบบนี้ก็มีความเป็นเอกลักษณ์และมีการผลักดันของตัวมันเอง คือ (1) ได้รับเงินคอมมิชชั่นจากการขายตรงกับลูกค้า (2) ได้รับประโยชน์มากขึ้นหากสามารถนำคนเข้ามาเป็นเครือข่ายเพื่อทำการขาย

อย่างไรก็ตาม เราจะปฏิเสธไม่ได้ว่าการนำเสนอขายจะต้องมีการเปิดการขายซึ่งใช้วิธีหลายอย่างเพื่อ "หยั่งเชิง" เพื่อให้เกิดการอธิบายคุณสมบัติของสินค้าและบริการ ประเด็นนี้แหล่ะที่จะสร้างความไม่ไว้วางใจแก่ฝูงแกะ หากผู้เลี้ยงเองเป็นผู้ที่ทำธุรกิจนี้และเปิดการขายสินค้าของตนเองออกไม่ว่าจะเป็นเวลาแคร์ หรือวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะในเวลาหรือนอกเวลา ลูกแกะจะสงสัยเจตนารมณ์ของเราทันทีว่าการที่เราสอน นำกลุ่ม หรือประกาศ เพื่อความสำเร็จของข่าวประเสริฐ หรือเพื่อผลประโยชน์ทางทรัพย์สินเงินทองของเราเองกันแน่

ฉะนั้นการรับใช้เราจำเป็นต้องส่งผ่านพระวจนะพระเจ้าและชีวิตด้วยความโปร่งใส ไม่ทำให้เกิดอุปสรรคในการยอมรับพระวจนะ ในสังคมปัจจุบันเองสร้างค่านิยมคนไม่ให้ไว้ใจใครง่ายๆ เพราะมีการซ่อนการกระทำดีแต่กลับแสวงหาผลประโยชน์ภายหลัง ซึ่งง่ายต่อการเข้าใจผิดเจตนารมณ์ของการถ่ายทอดพระวจนะ เป็นเหมือนเครื่องกีดขวางที่ขัดขวางการยอมรับพระวจนะในใจคนได้

ผมจึงขอให้ผู้เลี้ยงทุกระดับใคร่ครวญเรื่องนี้ให้ดี แม้ใม่ใช่ความถูกผิดอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ใช่ว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นๆ แล้ว สำหรับผู้เลี้ยงทุกท่านผมจึงขอแนะนำให้ขายสินค้าและบริการแก่คนอื่นนอกคริสตจักรได้ตามปกติ แต่ผมขอร้องให้เลือกที่จะไม่ใช้สิทธิ์ในอาชีพนี้กับสมาชิกทุกคนในคริสตจักร ไม่ว่าจะเป็นเวลาแคร์ หรือวันอาทิตย์ ไม่ว่าจะอยู่ในเวลาหรือนอกเวลา แต่หากสมาชิกจะซื้อเองเรายินดีขายให้ตามปกติโดยไม่มีการจูงใจใดใดทั้งสิ้น

ขอหนุนใจสุดท้ายด้วยข้อพระคัมภีร์ข้อนี้
มัทธิว 6:31-33 เหตุฉะนั้นอย่ากระวนกระวายและกล่าวว่าจะเอาอะไรกิน? หรือจะเอาอะไรดื่ม? หรือจะเอาอะไรนุ่งห่ม? เพราะว่าบรรดาคนต่างชาติแสวงหาสิ่งทั้งปวงนี้ แต่ว่าพระบิดาของพวกท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงทราบแล้วว่าท่านต้องการสิ่งทั้งปวงนี้ แต่พวกท่านจงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้า และความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะทรงเพิ่มเติมสิ่งทั้งปวงนี้ให้
ขอพระเจ้าทรงประทานความเข้าใจ และความไว้วางใจพระเจ้าทุกประการ

ความคิดเห็น