การบัพติศมาในพระวิญญาณฯ มีประเด็นอะไรน่าคิดบ้าง


บัพติศมาในพระวิญญาณฯ ประเด็นที่กลุ่มเพนเทคอสและคาริสเมติกต้องทบทวนและยืนยันร่วมกัน

1. คริสเตียนมีพระวิญญาณบริสุทธิ์เมื่อเราเชื่อไว้วางใจในพระเยซูคริสต์

โรม 8:15 เพราะ​ว่า​พระ​วิญ​ญาณ​ที่​พระ​เจ้า​ประ​ทาน​มา​นั้น​จะ​ไม่​ทรง​ให้​ท่าน​เป็น​ทาส​ซึ่ง​ทำ​ให้​ตก​ใน​ความ​กลัว​อีก แต่​พระ​วิญ​ญาณ​จะ​ทรง​ให้​ท่าน​มี​ฐานะ​เป็น​บุตร​ของ​พระ​เจ้า โดย​พระ​วิญ​ญาณ​นั้น​เรา​จึง​ร้อง​เรียก​พระ​เจ้า​ว่า “อับ​บา (พ่อ)”

ทิตัส 3:5 พระ​องค์​ก็​ทรง​ช่วย​เรา​ให้​รอด ไม่​ใช่​เพราะ​ความ​ชอบ​ธรรม​ที่​เรา​ทำ​เอง แต่​ด้วย​พระ​เมต​ตา​ของ​พระ​องค์​โดย​ผ่าน​การ​ชำระ​ให้​บังเกิด​ใหม่​และ​สร้าง​ใหม่​ของ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์

การพูดภาษาแปลกๆ ได้หรือไม่ได้ไม่ได้เป็นตัวชี้ว่าคริสเตียนกลุ่มนี้มีพระวิญญาณฯ หรือกลุ่มอื่นที่พูดภาษาแปลกๆ ไม่ได้ ไม่มีพระวิญญาณฯ เพราะพระวิญญาณฯ นำมาซึ่งการบังเกิดใหม่และสถิตกับทุกคนที่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์อยู่แล้ว

2. บัพติศมาในพระวิญญาณครั้งแรกเป็นสิ่งที่พระเยซูสั่งให้สาวกรอคอย และเขาได้รับบัพติศมาในวันเพนเทคอส

ลูกา 24:49 และ​ดู​เถิด เรา​จะ​ส่ง​ซึ่ง​พระ​บิดา​ของ​เรา​ทรง​สัญญา​นั้น มา​เหนือ​ท่าน​ทั้ง​หลาย แต่​ท่าน​ทั้ง​หลาย​จง​คอย​อยู่​ใน​กรุง​จนกว่า​ท่าน​จะ​ได้​ประกอบด้วย​ฤทธิ์​เดช​ที่มา​จาก​เบื้อง​บน”

ตลอดพระคัมภีร์ใหม่หลังจากที่พระเยซูคริสต์เสด็จขึ้นสู่สวรรค์แล้ว ไม่มีบรรยากาศของการรอคอยการเสด็จมาของพระวิญญาณฯ เลย เพราะพระวิญญาณฯ ทรงเสด็จมาตามพระสัญญาของพระเยซูแล้วเมื่อพระองค์เสด็จขึ้นไปยังสวรรค์

3. หมายสำคัญของการรับบัพติศมาในพระวิญญาณคือการพูดภาษาแปลกๆ

กิจการของอัครทูต 2:4 พวก​เขา​ทั้ง​หมด​ก็​เต็ม​เปี่ยม​ด้วย​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์ จึง​เริ่ม​ต้น​พูด​ภาษา​อื่นๆ ตาม​ที่​พระ​วิญ​ญาณ​ทรง​ให้​พูด

ดูเหมือนภาษาแปลกๆ จะไม่ใช่สิ่งเดียวเท่านั้นที่เกิดขึ้นหลังจากการรับพระวิญญาณฯ การทรงสถิตของพระเจ้าในลักษณะของความเต็มเปี่ยมด้วยพระวิญญาณยังเป็นประสบการณ์ต่อเนื่องในชีวิตผู้รับใช้ที่แสดงออกในหลายรูปแบบที่สะท้อนฤทธิ์เดชที่มาโดยพระวิญญาณฯ ทั้งลักษณะชีวิตที่ประกอบด้วยความเชื่อ และหมายสำคัญอัศจรรย์

กิจการของอัครทูต 4:8 ขณะ​นั้น​เป​โตร​เต็ม​เปี่ยม​ด้วย​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​กล่าว​กับ​พวก​เขา​ว่า “นี่แน่ะ ท่าน​ผู้​ครอบ​ครอง​พล​เมือง​และ​พวก​ผู้​ใหญ่​ทั้ง​หลาย

กิจการของอัครทูต 19:6 เมื่อ​เปา​โล​วาง​มือ​บน​ตัว​พวก​เขา​แล้ว พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ก็​เสด็จ​ลง​มา​สถิต​กับ​พวก​เขา พวก​เขา​จึง​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ และ​เผย​พระ​วจนะ

4. การรับบัพติศมาในพระวิญญาณ อาจมาโดยการวางมือเช่นในกรณีของเปาโลกับพี่น้องเอเฟซัส และอาจมาเองโดยตรงจากพระวิญญาณ ในกรณีของโครเนลิอัส

กิจการของอัครทูต 19:6-7 เมื่อ​เปา​โล​วาง​มือ​บน​ตัว​พวก​เขา​แล้ว พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​ก็​เสด็จ​ลง​มา​สถิต​กับ​พวก​เขา พวก​เขา​จึง​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ และ​เผย​พระ​วจนะ ​คน​เหล่า​นั้น​มี​ประมาณ​สิบ​สอง​คน

กิจการของอัครทูต 10:44-47 ขณะ​เป​โตร​ยัง​กล่าว​คำ​เหล่า​นั้น​อยู่ พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​เสด็จ​ลง​มา​สถิต​กับ​ทุก​คน​ที่​ฟัง​พระ​วจนะ​นั้น บรร​ดา​คน​เข้า​สุ​หนัต​ที่​เชื่อ​แล้ว​ซึ่ง​มา​พร้อม​กับ​เป​โตร​ต่าง​ประ​หลาด​ใจ เพราะ​ว่า​พระ​เจ้า​ประทาน​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​แก่​คน​ต่าง​ชาติ​ด้วย เพราะ​เขา​ทั้ง​หลาย​ได้​ยิน​คน​เหล่า​นั้น​พูด​ภา​ษา​ต่างๆ และ​ยก​ย่อง​สรร​เสริญ​พระ​เจ้า เป​โตร​จึง​ถาม​ว่า “ใคร​จะ​ห้าม​คน​เหล่า​นี้​ที่​ได้​รับ​พระ​วิญ​ญาณ​บริ​สุทธิ์​เหมือน​เรา​จาก​การ​รับ​บัพ​ติศ​มา​ด้วย​น้ำ?”

5. เปาโลพูดภาษาแปลกๆ และการพูดภาษาแปลกๆ ก็เสริมสร้างชีวิตส่วนตัวเพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ได้อธิษฐานผ่านชีวิตของเรา

1 โครินธ์ 14:2 เพราะ​ว่า​คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ นั้น ไม่​ได้​พูด​กับ​มนุษย์ แต่​ทูล​ต่อ​พระ​เจ้า เพราะ​ว่า​ไม่​มี​ใคร​เข้า​ใจ​ได้ เขา​พูด​เป็น​ความ​ล้ำ​ลึก​โดย​พระ​วิญญาณ

6. ภาษาแปลกๆ จะใช้ในการอธิษฐานส่วนตัวมากกว่าในที่ประชุม เพราะ (1) ผู้ที่ยังไม่เชื่อจะไม่เข้าใจ (2) ผู้ที่เชื่อก็ฟังไม่รู้เรื่อง ฉะนั้นสำหรับที่ประชุมทั่วไปผมหนุนใจให้อธิษฐานภาษาธรรมดาดีกว่า

1 โครินธ์ 14:4-5 คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ นั้น​ก็​ทำ​ให้​ตัว​เอง​เจริญ​ขึ้น แต่​ผู้​เผย​พระ​วจนะ​นั้น​ทำ​ให้​คริสต​จักร​เจริญ​ขึ้น ข้าพ​เจ้า​ต้อง​การ​ให้​พวก​ท่าน​ทุก​คน​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ แต่​ยิ่ง​กว่า​นั้น ข้าพ​เจ้า​ต้อง​การ​ให้​พวก​ท่าน​เผย​พระ​วจนะ เพราะ​ว่า​คน​ที่​เผย​พระ​วจนะ​นั้น​ก็​ใหญ่​กว่า​คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ นอก​จาก​ว่า​มี​คน​แปล​ได้ เพื่อ​คริสต​จักร​จะ​ได้​รับ​ความ​เจริญ

1 โครินธ์ 14:23 เพราะ​ฉะนั้น​ถ้า​ทั้ง​คริสต​จักร​มา​ชุมนุม​กัน และ​ทุก​คน​ต่าง​ก็​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ และ​มี​คน​ที่​ไม่​รู้ หรือ​คน​ที่​ไม่​เชื่อ​เข้า​มา พวก​เขา​ก็จะ​พูด​ว่า​ท่าน​ทั้ง​หลาย​เป็น​บ้า​ไม่​ใช่​หรือ?

เราไม่ควรใช้เสียงของภาษาแปลกๆ เพื่อคาดหวังในการเร่งเร้ากระตุ้นบรรยากาศที่ประชุมให้เกิดความตื่นเต้นมากกว่าการสร้างใจให้คาดหวังการทรงนำจากพระเจ้าในเรื่องต่างๆ เป้าหมายของภาษาแปลกๆ ไม่ใช่มีเพื่อใช้เป็นเครื่องมือกระตุ้นความเชื่อหรืออะไรทั้งนั้น แต่เพื่อเสริมสร้างหรือเป็นการอธิษฐานส่วนตัว

7. ภาษาแปลกๆ ที่เป็นการเผยพระวจนะเป็นของประทานการพูดภาษาแปลกๆ ซึ่งแตกต่างกับการพูดภาษาแปลกๆ ที่เป็นหมายสำคัญของการเต็มด้วยพระวิญญาณฯ ในชีวิตคริสเตียนทุกคน

1 โครินธ์ 14:5 ข้าพ​เจ้า​ต้อง​การ​ให้​พวก​ท่าน​ทุก​คน​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ แต่​ยิ่ง​กว่า​นั้น ข้าพ​เจ้า​ต้อง​การ​ให้​พวก​ท่าน​เผย​พระ​วจนะ เพราะ​ว่า​คน​ที่​เผย​พระ​วจนะ​นั้น​ก็​ใหญ่​กว่า​คน​ที่​พูด​ภา​ษา​แปลกๆ นอก​จาก​ว่า​มี​คน​แปล​ได้ เพื่อ​คริสต​จักร​จะ​ได้​รับ​ความ​เจริญ

ฉะนั้น...

1. เราไม่พูดว่า "วางมือรับพระวิญญาณ" เพราะเรามีพระวิญญาณฯ แล้วเมื่อเชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์
2. เราไม่พูดว่า "วางมือรับภาษาแปลกๆ" เพราะภาษาแปลกๆ เป็นหมายสำคัญ (sign) ของการเต็มล้นในพระวิญญาณฯ เราไม่ได้รับหมายสำคัญแต่เรารับบัพติศมาในพระวิญญาณฯ
3. ให้เราพูดว่า "วางมือรับบัพติศมาในพระวิญญาณ" อย่าพูดย่อเกิน จะเสียความหมายหลักได้ครับ

อ้างอิง

[1] Bock, Darrell L. (2011). A Theology of Luke's Gospel and Acts. MI: Zondervan, 174.

[2] Gaebelein, Frank E. (1981) The Expositor's Bible Commentary, Volume 9. MI: Zondervan Publishing House, 52, 494.

[3] Lightfoot, Joseph Barber. (2014). The Acts of the Apostles: A New Commentary. IL: InterVarsity Press, 71, 247.

ความคิดเห็น