การแนะนำจะสำเร็จได้เพราะเกิดการรับฟัง และจะทำได้ดีเพราะชีวิตของผู้แนะนำเป็นที่ยอมรับด้วยคุณสมบัติฝ่ายวิญญาณ เวลาส่วนใหญ่ของการแนะนำจึงไม่ใช่อยู่ที่เวลาแนะนำ แต่เกิดขึ้นจากการยอมรับในชีวิตที่ปรารถนาดีของผู้พูด ทักษะการเตือน จิตใจที่ยุติธรรม มีความจริงใจ เป็นต้น
ยากอบ 3:17 แต่ปัญญาจากเบื้องบนนั้นบริสุทธิ์เป็นประการแรก แล้วจึงเป็นความสงบสุข การผ่อนหนักผ่อนเบา การยอมรับฟัง การเต็มเปี่ยมด้วยความเมตตาและผลดีต่างๆ ไม่มีการลำเอียง ไม่มีการหน้าซื่อใจคด
"เป้าหมายของการแนะนำเตือนสติ เพื่อจะได้พี่น้องกลับมา"
มัทธิว 18:15 หากพี่น้องของท่านคนหนึ่งทำผิดต่อท่าน จงไปหาและชี้ความผิดต่อเขาสองต่อสองเท่านั้น ถ้าเขาฟังท่าน ท่านจะได้พี่น้องคืนมา
เป้าหมายของการพูดคุยกันหากมีอะไรที่ขัดข้องหมองใจคือคุยแล้วได้พี่น้องคืนมา คำว่า "ได้คืนมา" ภาษากรีกใช้คำว่า κερδαίνω (kerdaino) หมายถึง gain หรือ win โดยรากศัพท์เป็นคำประเภทการเงินการลงทุน ซึ่งสามารถแปลได้ว่า เมื่อลงทุนแล้วจะได้กำไรกลับมา
ฉะนั้นการมีเรื่องต่อกัน โกรธเคืองกัน ไม่ให้อภัยกัน ถือเป็นการขาดทุนชีวิต
โคโลสี 3:13 จงอดทนต่อกันและกัน และถ้าใครมีเรื่องราวต่อกัน ก็จงให้อภัยกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านอย่างไร ท่านก็จงทำอย่างนั้นด้วย
กุญแจสำคัญสำหรับในการแก้ปัญหาคนที่มีเรื่องราวต่อกันไปแล้วคือการให้อภัย บริบทตอนนี้เป็นเรื่องของวิถีชีวิตคริสเตียนโดยไม่ได้ระบุว่าใครต้องเริ่มต้นให้อภัยก่อน
คำพูดตามแนวคิดของพระคัมภีร์เป็นอย่างไร?
พระคัมภีร์ให้แนวคิดของการพูดที่เป็นหน้าที่ของผู้พูดที่ควรพูดให้ดีโดยเฉพาะการระมัดระวังไม่พูดให้เกิดปัญหาโดยตระหนักว่าหากจากพูดควรพูดให้ดี พูดให้ถูกต้อง
1. คำพูดสามารถสร้างสถานการณ์ทั้งดีและร้ายได้
สุภาษิต 15:1 คำตอบนุ่มนวลช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
สุภาษิต 26:18-19 คนบ้าขว้างดุ้นไฟ ลูกธนู และความตายฉันใด คนที่ล่อลวงเพื่อนบ้านของตน และกล่าวว่า “ข้าล้อเล่น” ก็ฉันนั้น
บางทีเราพูดเล่นด้วยเจตนาสร้างบรรยากาศ อันนี้ต้องระวังเพราะการพูดเล่นแซวกันไปมา เราไม่รู้เลยว่าบางประโยคจะไปทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจหรือเปล่า
การแซวแบบไม่ให้โกรธนั้นต้องอาศัยความเข้าใจ ความสนิท และน้ำเสียงที่เหมาะสม ถ้าอยากจะแซวจริง ๆ …
- ให้แซวเรื่องที่เป็นเชิงบวก เช่น นิสัยน่ารัก ๆ หรือพฤติกรรมที่เขาก็รู้ตัวอยู่แล้ว
- ใช้คำพูดเบา ๆ ยิ้ม ๆ หลีกเลี่ยงคำที่อาจตีความได้ว่าเป็นการดูถูก
- แซวแล้วชมต่อ เพื่อให้รู้ว่าเรารู้สึกดี ไม่ได้ตั้งใจตำหนิ
- ไม่แซวในเรื่องที่เปลี่ยนไม่ได้ เช่น รูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณ เชื้อชาติ
- ดูจังหวะและอารมณ์ของเขา ถ้าเขาเครียดหรือเหนื่อย ควรเลี่ยงการแซว
2. คำพูดแท้จริงออกมาจากใจคิด
มัทธิว 15:18-20 แต่สิ่งที่ออกจากปากก็ออกมาจากใจ สิ่งนั้นแหละทำให้มนุษย์เป็นมลทิน ความคิดชั่วร้าย การฆ่าคน การเป็นชู้ การล่วงประเวณี การลักขโมย การเป็นพยานเท็จ การใส่ร้าย ก็ล้วนออกมาจากใจ สิ่งเหล่านี้แหละที่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน แต่การรับประทานอาหารโดยไม่ล้างมือก่อน ไม่ทำให้มนุษย์เป็นมลทิน
การแก้ปัญหาคำพูด ถ้าพุ่งความสนใจที่การพูดจะแก้ได้ไม่ยั่งยืน พระเยซูสอนเราให้แก้ที่ต้นเหตุคือใจ ถ้าใจถูกต้อง คำพูดจะถูกต้องเอง
3. คำพูดที่ดีหรือร้ายในคนของพระเจ้าเกิดขึ้นได้หากไม่ระวังใจ
ยากอบ 3:9 เราสรรเสริญองค์พระผู้เป็นเจ้าและพระบิดาด้วยลิ้นนั้น และเราก็แช่งด่ามนุษย์ผู้ที่พระเจ้าทรงสร้างตามพระฉายาของพระองค์ด้วยลิ้นนั้น
ยากอบ 3:11 บ่อน้ำพุจะมีทั้งน้ำจืดและน้ำเค็มพุ่งออกมาจากช่องเดียวกันได้หรือ?
การสนทนากับคนหลายกลุ่มหลายประเภทในแต่ละวันก็สะท้อนใจของเราเช่นกัน บางทีเราก็อดมีอารมณ์ขุ่นเคือง โกรธ ไม่พอใจบางคนและพูดจาไม่ดีออกมา พระคัมภีร์ตอนนี้เตือนใจให้เราตระหนักถึงความยำเกรงพระเจ้า ชีวิตคริสเตียนจริง ๆ แล้วคือทั้งหมด องค์รวม ไม่ใช่แยกส่วนเวลานมัสการหรืออยู่กับพี่น้องก็ใช้ภาษาแบบหนึ่ง เวลาอยู่กับคนที่ไม่ใช่คริสเตียนก็ใช้อีกแบบหนึ่ง ชีวิตเราทั้งหมดควรระมัดระวังให้ถวายเกียรติพระเจ้าเสมอ บางทีเลือกที่จะเงียบอาจจะดีกว่าในบางสถานการณ์
4. คำพูดที่ดีสามารถพัฒนาได้ด้วยเมตตาคุณและเทคนิคที่ดี
โคโลสี 4:6 จงให้ถ้อยคำของท่านทั้งหลายประกอบด้วยเมตตาคุณเสมอ ปรุงด้วยเกลือให้มีรส เพื่อท่านจะได้รู้ว่าควรจะตอบแต่ละคนอย่างไร
เทคนิคการพูดคุยกันแบบ I-statement ที่จะช่วยให้เกิดการผ่อนหนักผ่อนเบา
I-statement หรือ "ข้อความฉัน" เป็นเทคนิคการสื่อสารที่เน้นการแสดงออกถึงความรู้สึก ความคิด หรือความต้องการของผู้พูด โดยใช้สรรพนามบุรุษที่หนึ่ง คือฉัน ผม ดิฉัน หรือเรา (ในความหมายของบุรุษที่หนึ่ง) ขึ้นต้นประโยค เช่น ฉันคิดว่า... ฉันรู้สึกว่า... ฉันเป็นห่วงว่า... การพูดด้วยคำว่าฉัน จะทำให้ผู้ฟังไม่รู้สึกว่าอีกฝ่ายโจมตีเขา เพียงแต่เขาพูดความรู้สึกของตัวเองต่อเหตุการณ์หนึ่ง ๆ เท่านั้น
โครงสร้างประโยคของ I-statement
1. ระบุพฤติกรรม หรือเหตุการณ์ไปตามเนื้อผ้าโดยไม่ตัดสิน เช่น "ตอนที่คุณ..."
2. แสดงความรู้สึกของเราที่มีต่อเหตุการณ์นั้น "ฉันรู้สึก..."
3. บอกเขาว่าทำไมเรารู้สึกอย่างนั้น หรือสิ่งนั้นกระทบต่ออะไร "ฉันจึงไม่สามารถ... หรือ มันทำให้ฉัน..."
4. แนะนำแนวทางแก้ไข "ฉันขอให้คุณ..."
ตัวอย่าง: เหตุการณ์พี่น้องคนหนึ่งที่มีหน้าที่นำนมัสการใน LG (กลุ่มแคร์) แต่ไม่มา LG และไม่แจ้ง
1. สัปดาห์ที่แล้วคุณมีหน้าที่นำนมัสการแต่คุณไม่มา LG และไม่ได้แจ้งล่วงหน้า
2. ฉันรู้สึกไม่สบายใจเลย
3. เพราะคุณรับปากว่าจะนำนมัสการและทุกคนใน LG ก็รับทราบ
4. คุณพอจะมีแนวทางที่จะแก้ไขปรับปรุงเรื่องนี้ไปด้วยกันไหมครับ
I-statement เป็นประโยคสื่อสารความรู้สึก ตรงข้ามกับ You-statement ที่เป็นประโยคที่ฟังแล้วเหมือนถูกตำหนิ
คริสเตียนที่ดีควรใส่ใจท่าทีในใจและเอาใจใส่คำพูดให้เป็นที่หนุนใจเสมอ เพื่อพี่น้องจะรับการเสริมสร้างเติบโตฝ่ายวิญญาณ
เอเฟซัส 4:29 อย่าให้คำเลวร้ายออกจากปากของท่านทั้งหลาย แต่จงกล่าวคำดีๆ ที่เสริมสร้างและที่เหมาะกับความต้องการ เพื่อจะได้เป็นคุณแก่คนที่ได้ยิน

ความคิดเห็น