การมีความรู้เท่าทันจิตใจ ทำให้เราสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีพลังในสังคมและรู้ว่าเมื่อไรควรหันกลับมาดูแลรักษาจิตใจให้อยู่ในสภาพที่ดีที่สุด
หนังสือ “วิชาสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนที่ชีวิตจะสอนคุณ" เขียนโดยนักบำบัดทางจิตที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในการดูแลให้คำปรึกษาจนเธอตระหนักว่าจิตใจคนเราแม้ซับซ้อนแต่ก็มีวิธีดูแลให้แข็งแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่จำเป็นต้องให้เยินเสียก่อนจะมาหานักบำบัด แต่ควรมีคู่มือสักเล่มที่จะให้ภาพรวมคร่าวๆ ในการเข้าใจสภาวะจิตใจของตนเองเพื่อจะสามารถโค้ชหัวใจของเราไปในทางที่ถูกได้สิ่งที่เราอาจะพบบ่อยครั้งคือคำวิจารณ์จากสังคมต่องานของเรา ซึ่งหลายครั้งการผสมกลมกลืนระหว่างงานที่เราทำกับตัวตนของเรา ทำให้การวิจารณ์กระทบตัวตนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งที่เราต้องตระหนักในการรักษาใจ เช่น
1. ตระหนักว่าคุณค่าในตัวเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับการใช้ชีวิตอย่างไร้ข้อผิดพลาด
2. การยอมรับความความผิดพลาดไม่ได้หมายความว่าชีวิตไร้ค่าล้มเหลว การยอมรับต่างหากนำไปสู่การเรียนรู้ใช้ประโยชน์จากความผิดพลาด
3. ทบทวนคำวิจารณ์เพื่อเสริมเป้าหมายชีวิต ไม่หมกมุ่นกับความเห็นที่ทำร้ายจิตใจ
4. ทิ้งคำวิจารณ์ที่บดขยี้คุณค่าในตัวเองของเราไป อย่าไปหมกมุ่นกับสิ่งนั้น
5. เล่าให้ผู้ที่คุณวางใจฟัง รับฟังเขา แล้วเดินหน้าต่อไป
แนวทางการพัฒนาจิตใจไม่ใช่การหมั่นพูดกับตัวเองในแง่บวกเหมือนหนังสือแนวพัฒนาตนเองยุคนี้ที่พยายามสอน เพราะงานวิจัยให้ผลว่าหากสิ่งที่เราพร่ำพูดแง่บวกในกระจก หากสิ่งที่พูดกับความเป็นจริงห่างกันมาก ยิ่งจะทำให้เราท้อแท้ มองคุณค่าตัวเองตกยิ่งกว่าเดิมเข้าไปอีก แต่ก็อาจจะเหมาะกับคนที่มีความมั่นใจเป็นทุนอยู่แล้ว สิ่งที่ควรทำในการทำให้ตัวเองมั่นใจคือการยอมรับเอง ทั้งตัวตนและความสามารถที่ตัวเองมี แล้วพัฒนาความสามารถขึ้นอย่างจริงใจ แยกตัวตนให้ห่างจากผลงานหรือความสามารถจริง เพื่อจะไม่ให้กระทบกันรุนแรงเกินไป หากชีวิตพัฒนาขึ้น ความรู้สึกมั่นใจจะกลับมาเอง
หนังสือยังให้แนวทางในการทำความเข้าใจเพื่อสามารถโค้ชตัวเองในหลายเรื่องเช่น การสร้างแรงจูงใจ การรับแรงกระแทกจากความเจ็บปวดทางอารมณ์ ความโศกเศร้า ความสงสัยตัวเอง ความเครียด ความกลัว เป็นต้น เพื่อสร้างจิตใจที่แข็งแรงสุขภาพดี อย่างไรก็ตามก็ยังคงทิ้งท้ายว่าหากไม่ไหวให้มาปรึกษานักบำบัด ไม่ควรอายหรือมองตัวเองเป็นคนโรคจิตวิปริตไป เป็นต้น
“วิชาสำคัญที่คุณควรรู้ก่อนที่ชีวิตจะสอนคุณ Why Has Nobody Told Me This Before?” เขียนโดย Dr.Julie Smith นักจิตวิทยาคลินิค หนังสือใหม่ปี 2023 ความหนา 345 หน้า ระดับความยาก: ปานกลาง เหมาะสำหรับผู้ให้คำปรึกษาทุกระดับ และผู้สนใจจิตวิทยาแนวบำบัด หาซื้อได้ตามร้านหนังสือทั่วไป ลองหามาอ่านดูครับ
ความคิดเห็น