ตำนานการเกิดโลกในนิทานของจีนเริ่มต้นหลังจากความวุ่นวายในจักรวาล จนสุดท้ายก่อกำเนิดไข่ทรงกลมที่ภายในบรรจุความสมดุลของหยินและหยางอยู่ภายใน ผานกู่ (盤古) หรือบางเล่มเรียกว่า ป้านกู่ ก็ก่อกำเนิดขึ้นไข่ใบนั้น
วัฒนธรรมโบราณของคนแถบเอเซียใต้รวมทั้งไทยก็มีวัฒนธรรม "หินตั้ง" ที่เชื่อว่าเป็นการตั้งไว้ระหว่างพื้นกับฟ้าเพื่อค้ำไม่ให้ฟ้าถล่มลงมา หลักฐานความเชื่อนี้พบได้มากมายในโบราณสถานของไทยและประเทศภูมิภาคนี้
![]() |
ผานกู่ค้ำฟ้า |
ผานกู่เริ่มต้นสร้างโลกโดยแยกหยินและหยางออกโดยการจามด้วยขวานยักษ์ของเขา หยินกลายเป็นโลก และหยางกลายเป็นท้องฟ้า เพื่อให้ทั้งสองแยกกันตลอดไป ส่วนตัวเองก็ยืนค้ำระหว่างสวรรค์และโลกเป็นเวลาหมื่นๆ ปีเพราะถ้าไม่ค้ำ ฟ้าจะถล่มลงมาติดกับดินเหมือนเดิม ระหว่างที่กำลังยืนค้ำฟ้าด้วยความเหนื่อยยาก เต่า กิเลน หงส์ และมังกร ก็มาช่วยกันค้ำด้วย
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการแยกฟ้าและดินออกจากกันสำเร็จ ผานกู่ก็เหนื่อยมากและล้มลงตายไป ลมหายใจของผานกู่กลายเป็นสายลม เสียงกลายเป็นสายฟ้า ตาซ้ายกลายเป็นดวงอาทิตย์ ตาขวาเป็นดวงจันทร์ ร่างกายกลายเป็นเทือกเขาและที่ราบสูงส่วนใหญ่ของโลก เลือดกลายเป็นแม่น้ำ กล้ามเนื้อเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ หนวดเคราเป็นดวงดาวและทางช้างเผือก ขนเป็นพุ่มไม้และป่าไม้ กระดูกเป็นแร่ธาตุมีค่า ไขกระดูกเป็นเพชร เหงื่อกลายเป็นฝน และเหลือบไรบนขนตามร่างกายกายไปเป็นปลาและสัตว์ต่างๆ บนแผ่นดิน ทุกสิ่งของผานกู่ได้กลายเป็นสิ่งต่างๆ บนโลกจนหมด
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการแยกฟ้าและดินออกจากกันสำเร็จ ผานกู่ก็เหนื่อยมากและล้มลงตายไป ลมหายใจของผานกู่กลายเป็นสายลม เสียงกลายเป็นสายฟ้า ตาซ้ายกลายเป็นดวงอาทิตย์ ตาขวาเป็นดวงจันทร์ ร่างกายกลายเป็นเทือกเขาและที่ราบสูงส่วนใหญ่ของโลก เลือดกลายเป็นแม่น้ำ กล้ามเนื้อเป็นผืนดินอันอุดมสมบูรณ์ หนวดเคราเป็นดวงดาวและทางช้างเผือก ขนเป็นพุ่มไม้และป่าไม้ กระดูกเป็นแร่ธาตุมีค่า ไขกระดูกเป็นเพชร เหงื่อกลายเป็นฝน และเหลือบไรบนขนตามร่างกายกายไปเป็นปลาและสัตว์ต่างๆ บนแผ่นดิน ทุกสิ่งของผานกู่ได้กลายเป็นสิ่งต่างๆ บนโลกจนหมด
วัฒนธรรมโบราณของคนแถบเอเซียใต้รวมทั้งไทยก็มีวัฒนธรรม "หินตั้ง" ที่เชื่อว่าเป็นการตั้งไว้ระหว่างพื้นกับฟ้าเพื่อค้ำไม่ให้ฟ้าถล่มลงมา หลักฐานความเชื่อนี้พบได้มากมายในโบราณสถานของไทยและประเทศภูมิภาคนี้
![]() |
ภาพมังกรในสมัยราชวงศ์ฮั่น |
มังกรและหงส์ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของจักรพรรดิและจักรพรรดินีของจีน ที่ฮ่องเต้ถือเป็นโอรสแห่งสวรรค์ ซึ่งมีมาตั้งแต่ราชวงศ์โจวโบราณ (ก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้) สมัยราชวงศ์ฮั่นมังกรถูกออกแบบให้วิจิตรขึ้นเรื่องจากถูกใช้เป็นตัวแทนฮ่องเต้ มีการใส่เรื่องราว นิทาน ตำนานลงไปเพื่อให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ มีจริยธรรมตามขนบขงจื้อและมีอำนาจแบบฮ่องเต้ คนจีนทั้งหมดจึงรับเอาฉายาลูกมังกรเป็นฉายาของตน คือเป็นประชากรของโอรสแห่งสวรค์ (ฮ่องเต้) เป็นลูกมังกรที่มีคุณธรรม สง่างาม ทะนงตน และมีฤทธิ์เดช
แม้จะมีการบูชาจักรพรรดิมังกรและการประดับสถานที่ด้วยมังกร แต่ทัศนะของคนจีนในปัจจุบันมองมังกรเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ศักดิ์ศรี ความทะนงตนของลูกหลานจีนที่เหมือนดังมังกร มากกว่ารูปเคารพบูชาในฐานะเทพเจ้าตามนิทานปรำปรา
อ้างอิง
อ้างอิง
- Chinese Dragons Explained. https://kidworldcitizen.org/the-anatomy-of-a-chinese-dragon.
- Hua, Sara Lynn. Difference between A Chinese Dragon and A Western Dragons. http://blog.tutorming.com/expats/chinese-dragon-western-difference-lucky.
- Keerthi, Dharma, Sri Ranjan, Dharmakeerthi, and Chang, Zhou. The Chinese Dragon Concept as a Spiritual Force of the Masses. Sabaragamuwa University Journal, 2011,78.
- วีระชัย โชคมุกดา, ประวัติศาสตร์จีน (2557).
- หลวงพิพิธภัณฑพิจารณ์ (ฟัก โชติกสวัสดิ์) (2550).
ความคิดเห็น